EaseUS Partition Master

วิธีแก้ไขการใช้งานดิสก์ 100% ยน Windows 11

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณพบว่า หลังจากที่คุณอัพเกรดเป็น Windows 11 แล้ว การใช้ดิสก์ของคุณสูงถึง 100% หรือ หมายความว่าคุณต้องการ HDD หรือ SSD ที่ใหญ่กว่านี้หรือไม่? ในบทความนี้เราจะบอกถึงสาเหตุและวิธีแก้ไขปัญหาให้คุณ

สารบัญ

หน้าสารบัญ

ปรับปรุงโดย

อัปเดตเมื่อ Jul 09, 2025

หากคุณได้อัพเกรดเป็น Windows 11 และพบว่าคอมพิวเตอร์ของคุณตอบสนองช้า คุณสามารถตรวจสอบที่ Task Manager เพื่อดูว่าสาเหตุของปัญหาคืออะไร Task Manager มีข้อมูลที่บอกให้คุณทราบได้ว่า ทุกกระบวนการทำงานบนคอมพิวเตอร์ของคุณเป็นอย่างไร

สาเหตุทั่วไปที่ทำให้คอมพิวเตอร์ของคุณ หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งแล็ปท็อปทำงานช้าคือการใช้ดิสก์ 100% โดยทั่วไป การใช้ดิสก์จะไม่เพิ่มขึ้นเป็นเวลานาน มันจะไปถึงระดับสูงหรือใกล้ถึง 100% ชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น จากนั้นจึงควรลดลงเต่ำกว่า 10% ตามปกติ หากการใช้ดิสก์ของคอมพิวเตอร์ของคุณยังดำเนินต่อไปในระดับสูง คุณต้องหาวิธีแก้ไขปัญหา ต่อไปนี้คือ 7 วิธีในการเพิ่มประสิทธิภาพคอมพิวเตอร์ของคุณ

  1. แก้ไข 1. อัพเดตอุปกรณ์ของคุณ
  2. แก้ไข 2. รีเซ็ตหน่วยความจำเสมือน
  3. แก้ไข 3. เปลี่ยนตัวเลือกพลังงานเป็นประสิทธิภาพสูง
  4. แก้ไข 4. ปิดใช้งานซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสชั่วคราว
  5. แก้ไข 5. ปิดใช้งานการแจ้งเตือนของ Windows
  6. แก้ไข 6. แก้ไขไดรเวอร์ StorAHCI.sys
  7. แก้ไข 7. ทำการตรวจสอบดิสก์

แก้ไข 1. อัพเดตอุปกรณ์ของคุณ

บางครั้ง การใช้ดิสก์มีความเกี่ยวข้องอย่างมากกับลักษณะของดิสก์ในคอมพิวเตอร์ของคุณ หากฮาร์ดดิสก์ที่ใช้เก่าแล้ว อาจถึงเวลาต้องเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ใหม่ ทางเลือกหนึ่งที่ดีคือการอัพเกรดเป็น Solid-State (SSD) ไดรฟ์ ซึ่ง SSD นั้นเร็วกว่าและเสถียรกว่าฮาร์ดดิสก์ทั่วไป คอมพิวเตอร์ที่ติดตั้ง SSD จึงมีประสิทธิภาพที่ดีกว่า

แก้ไข 2. รีเซ็ตหน่วยความจำเสมือน

หากฮาร์ดไดรฟ์ของคอมพิวเตอร์ของคุณยังไม่ล้าสมัย คุณสามารถรีเซ็ตหน่วยความจำเสมือนเพื่อแก้ไขปัญหาได้ หน่วยความจำเสมือนเป็นส่วนขยายหน่วยความจำกายภาพ (RAM) ของคอมพิวเตอร์ที่นำพื้นที่บางส่วนของฮาร์ดไดรฟ์ไว้มารวมไว้ด้วยกัน เมื่อ RAM ไม่มีพื้นที่เหลือ Windows จะใช้ในหน่วยความจำเสมือนทำงานเสมือน RAM ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนในการรีเซ็ตหน่วยความจำเสมือน

ขั้นตอนที่ 1. พิมพ์ Control Panel ในช่องค้นหาแล้วคลิกที่ Control Panel

ขั้นตอนที่ 2. ค้นหาและคลิกที่ System แล้วเลือก Advanced system settings ที่อยู่ทางด้านขวา

advanced system settings

ขั้นตอนที่ 3. คุณจะพบกับหน้าต่าง System Propertiesสลับไปที่แท็บ Advanced แล้วคลิก Settings.

system properties advanced settings

ขั้นตอนที่ 4. ในหน้าต่างที่เพิ่งเปิดใหม่ ที่แท็บ Advanced เลือก Change เพื่อปรับหน่วยความจำเสมือน

change virtual memory

ขั้นตอนที่ 5. คลิกยกเลิกการเลือก Automatically manage paging file size for all drives แล้วเปลี่ยนขนาดสูงสุดเป็นจำนวนที่มากขึ้น แต่อย่าตั้งค่านี้สูงเกินไป ควรเป็นประมาณ 1.5 เท่าของ RAM จริง

set virtual memory

ขั้นตอนที่ 6. เมื่อตั้งค่าขนาดหน่วยความจำเสมือนแล้ว คลิก Set และ OK เพื่อยืนยันการเปลี่ยนแปลง

ขั้นตอนที่ 7. จากนั้น ให้คุณล้างไฟล์ชั่วคราวของคอมพิวเตอร์ โดยกดปุ่ม Windows+R พร้อมกันแล้วพิมพ์ temp ในช่องค้นหา และกด Enter

open temp files in run box

ขั้นตอนที่ 8. มันจะแสดงรายการไฟล์ temp ทั้งหมดบนคอมพิวเตอร์ของคุณ เลือกและลบทั้งหมด

delete all temp files

ขั้นตอนที่ 9. ตอนนี้คุณสามารถตรวจสอบการใช้งานดิสก์ว่ายังเป็น 100% หรือไม่

แก้ไข 3. เปลี่ยนตัวเลือกพลังงานเป็นประสิทธิภาพสูง

ผู้ใช้บางคนกล่าวว่า การเปลี่ยนตัวเลือกพลังงานเป็นประสิทธิภาพสูงจะได้ผล นี่คือวิธีการ

ขั้นตอนที่ 1. ไปที่ Control Panel > Power & sleep แล้วคลิก Additional power settings.

additional power settings

ขั้นตอนที่ 2. คลิก Change plan settings > Change advanced power settings.

changed advanced power settings

ขั้นตอนที่ 3. เลือก High performance จากเมนูแบบเลื่อนลงและคลิก Restore plan defaults.

choose high performance

แก้ไข 4. ปิดใช้งานซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสชั่วคราว

ในบางกรณี ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสจะใช้ดิสก์มากเกินไป คุณสามารถปิดใช้งานซอฟต์แวร์ได้ชั่วขณะหนึ่งเพื่อแก้ไขปัญหา

แก้ไข 5. ปิดใช้งานการแจ้งเตือนของ Windows

เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ได้รับการแนะนำจากผู้ใช้ที่ประสบปัญหาเดียวกัน

ไปที่ Settings > System > Notifications & actions คลิกยกเลิกที่ Get tips, tricks, and suggestions as you use Windows.

disable windows notifications

แก้ไข 6. แก้ไขไดรเวอร์ StorAHCI.sys

AHCI (Advanced Host Controller Interface PCI-Express) PCIe บางตัว อาจทำให้เกิดปัญหาการใช้ดิสก์ Windows 100% คุณสามารถแก้ไขที่ไดรเวอร์ StorAHCI.sys เพื่อแก้ปัญหาได้

ขั้นตอนที่ 1. เปิด Device Manager และค้นหา IDE ATA/ATAPI Controllers.

ขั้นตอนที่ 2. เลือก Standard SATA AHCI Controller .

standard sata ahci controllert

ขั้นตอนที่ 3. ภายใต้แท็บ Driver คลิกที่ Driver Details แล้วตรวจสอบว่ามีไฟล์ storahci.sys หรือไม่

storahci sys file

ขั้นตอนที่ 4. ปิดหน้าต่าง Driver File Details และไปที่แท็บ Details แล้วเลือก Device Instance Path ให้สังเกตไฟล์ที่ขึ้นต้นด้วย VEN .

device instance path

ขั้นตอนที่ 5. พิมพ์ regedit ในช่องค้นหาแล้วกด Enter เพื่อเรียกใช้ Registry Editor แล้วไปที่:

HKEY_LOCAL_MACHINE\System\CurrentControlSet\Enum\PCI\ \\Device Parameters\Interrupt Management\MessageSignaledInterruptProperties

The ในที่นี้หมายถึงชื่อที่คุณเห็นจากขั้นตอนที่ 4

The แตกต่างกันไปในแต่ละเครื่อง

registry editor

ขั้นตอนที่ 6. ดับเบิ้ลคลิกที่ MSISupported และเปลี่ยนค่าเป็น 0

change msisupported value

แก้ไข 7. ทำการตรวจสอบดิสก์

หากวิธีการข้างต้นไม่สามารถช่วยคุณแก้ปัญหาได้ วิธีสุดท้ายของคุณคือดำเนินการตรวจสอบดิสก์ คุณสามารถเรียกใช้ chkdsk ใน Command Prompt เพื่อตรวจสอบและพยายามแก้ไขปัญหา

แต่คุณควรตระหนักว่า การใช้บรรทัดคำสั่ง chkdsk อาจทำให้ข้อมูลสูญหายได้ คุณควรสำรองข้อมูลสำคัญทั้งหมดก่อนดำนเนิการตามวิธีนี้

คุณยังสามารถใช้ EaseUS Partition Master เพื่อตรวจสอบดิสก์ได้อีกด้วย ดาวน์โหลดเครื่องมือนี้ได้ฟรี และทำตามคำแนะนำเพื่อดูวิธีตรวจสอบระบบไฟล์ด้วยเครื่องมือนี้

下载按钮1

ขั้นตอนที่ 1. คลิกขวาที่พาร์ติชันเป้าหมายที่มีปัญหา

ขั้นตอนที่ 2. เลือก "Advanced" > "Check File System"

ขั้นตอนที่ 3. ในหน้าต่าง Check File System ให้เลือกตัวเลือก "Try to fix errors if found"

ขั้นตอนที่ 4. คลิก "Start" เพื่อตรวจสอบข้อผิดพลาดในพาร์ติชันของคุณ

เราสามารถช่วยคุณได้อย่างไร?

EaseUS Partition Master

จัดการพาร์ติชั่นและเพิ่มประสิทธิภาพดิสก์อย่างมีประสิทธิภาพ

ดาวน์โหลดฟรี 

Windows 11/10/8/7ปลอดภัย 100%

รับ EaseUS Partition Master

เพื่อนคู่ใจที่ดีที่สุดของคุณสำหรับการแบ่งพาร์ติชั่นดิสก์ การแปลง MBR เป็น GPT/GPT เป็น MBR แม้แต่การโยกย้ายระบบปฏิบัติการ