EaseUS Data Recovery Wizard 5058 Reviews

วิธีแสดงข้อความที่ซ่อนอยู่ใน Wordและกู้คืนไฟล์ Word ที่สูญหาย

รูปภาพของคุณไม่แสดงบน Word 2007, 2013, หรือ 2016? ต้องการแสดงรูปภาพหรือข้อความที่ถูกซ่อนในไฟล์ Word? ต้องการกู้ไฟล์ Word หรือรูปภาพที่ถูกซ่อนบนคอมพิวเตอร์ Windows? คุณสามารถอ่านรายละเอียดการแก้ไขปัญหาได้ในบทความนี้

 

Suchat updated on Mar 30, 2022 to การกู้คืนโฟลเดอร์

วิธีการแก้ไข ขั้นตอนการแก้ไข
วิธีที่ 1. แสดงข้อความที่ซ่อนอยู่ใน Word คลิก "ไฟล์">" ตัวเลือก" บน Word แล้วคลิก "ขั้นสูง" ที่แถบด้านซ้าย จากนั้นยกเลิกการเลือก "แสดงตัวยึดภาพ"...ขั้นตอนเพิ่มเต็ม
วิธีที่ 2. แสดงข้อความที่ซ่อนในไฟล์ Word คลิก "ไฟล์">" ตัวเลือก" บน Word 2013/2010 (สำหรับ Word 2007 คลิกปุ่ม Office> "ตัวเลือก Word")...ขั้นตอนเพิ่มเต็ม
วิธีที่ 3. กู้คืนไฟล์ Word/รูปภาพที่ซ่อน แสดงไฟล์ Word ใน File Explorer หรือกู้คืนไฟล์ Word ที่ซ่อนขั้นตอนเพิ่มเต็ม

รูปภาพในไฟล์ Word ของฉันสูญหายไป จะสามารถหารูปภาพที่ถูกซ่อนในไฟล์เอกสาร Word ได้อย่างไร?

"ฉันมีไฟล์เอกสาร Word ยาว 4 หน้าซึ่งมีรูปภาพอยู่ในนั้น แต่เมื่อเช้าพอฉันเปิดไฟล์ก็เห็นแค่สี่เหลี่ยมสีขาวอยู่แทนรูปภาพในไฟล์ Word เพราะอะไรรูปภาพถึงหายไปจากไฟล์ Word? รูปภาพถูกซ่อนอยู่หรือไม่? และจะแสดงรูปภาพที่ซ่อนได้อย่างไร?"

รูปภาพหรือข้อความในไฟล์ Word อาจจะไม่แสดงได้เนื่องจากมีการซ่อนไม่ว่าจะโดยอุบัติเหตุหรือไม่ก็ตาม บทความนี้จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับการแสดงรูปภาพและข้อความที่ซ่อนในไฟล์ Word นอกจากนี้, หากคุณต้องการกู้ไฟล์เอกสาร Word และรูปภาพที่ถูกซ่อนบน Windows PC และ laptop คุณสามารถใช้เครื่องมือกู้คืนข้อมูลประสิทธิภาพสูงเพื่อให้สามารถนำไฟล์กลับมาได้อย่างง่ายดาย

วิธีแสดงรูปภาพที่ซ่อนในไฟล์ Word

หากคุณไม่เห็นไฟล์รูปภาพในเอกสาร Word คุณสามารถลองทำตามวิธีด้านล่างนี้เพื่อแสดงรูปภาพที่ถูกซ่อน

ขั้นตอนที่ 1: เปิด Microsoft Office Word > "Word Options" บน Word 2007 (คลิก "File" > "Options" บน Word 2016/2013/2010)

ขั้นตอนที่ 2: คลิก "Advanced" ที่แถบด้านซ้าย จากนั้นยกเลิกการเลือก "Show picture placeholders" ในส่วน Show document content จากนั้นคุณจะสามารถเห็นรูปภาพในไฟล์เอกสาร Word ที่ถูกซ่อนได้

แสดงและค้นหาภาพที่ซ่อนอยู่ในเอกสาร Word.

สามารถซ่อนรูปภาพในเอกสาร Word ได้อย่างไร

บางครั้งคุณอาจจะแทรกรูปภาพในไฟล์ Word เพื่อเสริมเนื้อหาข้อความ แต่ในบางครั้งคุณก็อาจจะพบว่ารูปภาพเป็นอุปสรรคหากคุณต้องการอ่านข้อความทั้งหมดอย่างรวดเร็ว คุณจะสามารถซ่อนไฟล์รูปภาพในเอกสาร Word ได้ด้วยขั้นตอนเดียวกับข้างต้น โดยเลือก "Show picture placeholders"

วิธีแสดงข้อความที่ถูกซ่อนในเอกสาร Word

หากคุณพบบรรทัดข้อความหรือเนื้อหาบางส่วนในเอกสาร Word มีการซ่อนไว้ คุณจะสามารถตั้งค่าให้แสดงเนื้อหาที่ซ่อนอยู่ได้ด้วยสองวิธีสำหรับ Word 2016/2013/2010/2007 (หากคุณใช้ Word เวอร์ชันเก่ากว่านี้โปรดติดต่อฝ่ายบริการของ Microsoft Office หรือหาวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมผ่าน Google)

วิธีที่ 1. แสดงข้อความที่ถูกซ่อนบน Word 2016

วิธีแรกจะเป็นการเลือกดูข้อความที่ถูกซ่อนจากการตั้งค่าการพิมพ์

ขั้นตอนที่ 1. เปิดเอกสาร Word ที่มีข้อความถูกซ่อนบน Word 2016

ขั้นตอนที่ 2. ไปที่การตั้งค่าการพิมพ์ แล้วเลือก "Page Setup"

ทำให้ข้อความที่ซ่อนอยู่ปรากฏใน Word

ขั้นตอนที่ 3. ไปที่การตั้งค่ากระดาษ<แล้วคลิก "Print Options..."

ค้นหาข้อความที่ซ่อนอยู่ใน Word.

ขั้นตอนที่ 4. ในส่วน Display เลือก"Print hidden text" แล้วคลิก "OK" เพื่อบันทึกการแก้ไข

ทำให้ข้อความปรากฏใน Word

จากขั้นตอนข้างต้น ข้อความที่ซ่อนอยู่จะแสดงในหน้าต่าง preview ก่อนพิมพ์ แต่จะยังซ่อนอยู่ในตัวเอกสาร Word หากคุณต้องการแสดงข้อความที่ถูกซ่อนบน Word 2016 ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

ขั้นตอนที่ 1. กด Ctrl + A เพื่อเลือกเนื้อหาทั้งหมดในเอกสาร Word

ขั้นตอนที่ 2. คลิกขวาที่เนื้อหาเอกสารแล้วเลือก "Font..."

ทำให้ข้อความปรากฏในเอกสารคำ.

ขั้นตอนที่ 3. คลิกที่กล่อง "Hidden" สองครั้งให้อยู่ในสถานะไม่ได้เลือก จากนั้นคลิก "OK" เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลง

Uซ่อนเนื้อหาข้อความของ Word

คุณจะสามารถเห็นเนื้อหาที่ถูกซ่อนทั้งหมดในเอกสาร Word อีกครั้ง

ข้อความที่ซ่อนอยู่ปรากฏขึ้น.

วิธีที่ 2. แสดงข้อความที่ถูกซ่อนบน Word 2013/2010/2007

ขั้นตอนที่ 1. คลิก "File" > "Options" บน Word 2013/2010 สำหรับ Word 2007 คลิกที่ปุ่ม Office > "Word Options"

ขั้นตอนที่ 2. คลิก "Display" ที่แถบด้านซ้าย คลิกกล่อง "Hidden" สองครั้งให้อยู่ในสถานะไม่ได้เลือก

ขั้นตอนที่ 3. คลิก "OK" เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลง

แสดงข้อความที่ซ่อนอยู่ใน Word.

วิธีกู้ไฟล์เอกสาร Word/รูปภาพที่ถูกซ่อนบน Windows 10/8/7

ในส่วนนี้เรามีสองวิธีการกู้ไฟล์เอกสาร Word ที่ถูกซ่อนทั้งหมดคอมพิวเตอร์ Windows หรืออุปกรณ์เก็บข้อมูลอื่นๆ สามารถเลือกใช้ได้ตามนี้:

วิธีที่ 1. แสดงไฟล์เอกสาร Word ที่ถูกซ่อนด้วย File Explorer

สำหรับผู้ใช้ Windows 10/8/8.1:

ขั้นตอนที่ 1. พิมพ์ file explorer ในแถบค้นหาแล้วเลือก "File Explorer"

แสดงเอกสารคำที่ซ่อนอยู่ใน Windows 10/8.

ขั้นตอนที่ 2. เลือก"มุมมอง"> "ตัวเลือก"> "โฟลเดอร์เปลี่ยนและตัวเลือกการค้นหา"

แสดงเอกสารคำที่ซ่อนอยู่ใน Windows 10/8.

ขั้นตอนที่ 3. ใน "ตัวเลือกโฟลเดอร์" เลือก "แสดงไฟล์โฟลเดอร์และไดรฟ์ที่ซ่อนอยู่" ในส่วนไฟล์และโฟลเดอร์ที่ซ่อนอยู่แล้วยกเลิกการเลือก "ซ่อนนามสกุลสำหรับชนิดแฟ้มที่รู้จัก" จากนั้นคลิก "นำไปใช้" เพื่อบันทึกการแก้ไข

ทำให้เอกสาร Word ที่ซ่อนอยู่ปรากฏขึ้น.

สำหรับผู้ใช้ Windows 7:

ขั้นตอนที่ 1.. เปิด Windows Explorer โดยการคลิก "เริ่มต้น"> "คอมพิวเตอร์"

ขั้นตอนที่ 2. คลิก "เครื่องมือ"> "ตัวเลือกโฟลเดอร์"> "มุมมอง"

ขั้นตอนที่ 3. ใต้แท็บ มุมมอง เลือก "แสดงไฟล์โฟลเดอร์และไดรฟ์ที่ซ่อนอยู่" ในส่วนไฟล์และโฟลเดอร์ที่ซ่อนอยู่ จากนั้นยกเลิกการเลือก "ซ่อนนามสกุลสำหรับชนิดแฟ้มที่รู้จัก" แล้วบันทึกการแก้ไข โดยคุณจะเห็นสกุลไฟล์ทั้งหมด รวมถึงไฟล์ที่ถูกซ่อน

แสดงเอกสาร Word ที่ซ่อนอยู่ใน Windows 7.

วิธีที่ 2. กู้ไฟล์ Word และรูปภาพที่ถูกซ่อนด้วยโปรแกรมกู้คืนข้อมูล

หากคุณไม่สามารถหาไฟล์เอกสาร Word, รูปภาพ, ไฟล์เสียง, วิดีโอ, หรือไฟล์อื่นๆใน File Explorer คุณก็ยังสามารถกู้ไฟล์ที่ถูกซ่อนได้ด้วยโปรแกรมกู้คืนข้อมูลระดับมืออาชีพ - EaseUS Data Recovery Wizard โปรแกรมกู้คืนข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและใช้งานง่ายนี้ช่วยให้คุณสามารถสแกนคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์เก็บข้อมูลของคุณเพื่อหาไฟล์ที่สูญหาย, ถูก format, หรือถูกซ่อนด้วยสองโหมดการสแกน - Quick Scan และ Deep Scan

นอกจากการกู้ไฟล์ที่ถูกลบปกติแล้ว โปรแกรมกู้ไฟล์ EaseUS สามารถกู้ไฟล์ที่ถูกลบอย่างถาวรบน HDD, SSD, USB flash drive, SD card, pen drive, external hard drive, เป็นต้น ดาวน์โหลดและติดตั้งโปรแกรมนี้บนคอมพิวเตอร์ของคุณ จากนั้นทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้เพื่อกู้ไฟล์เอกสาร Word หรือรูปภาพที่ถูกซ่อนด้วยสามขั้นตอน

1.ดาวน์โหลดและติดตั้ง EaseUS Data Recovery Wizard บนคอมพิวเตอร์ของคุณ

ขั้นตอนที่ 1 การกู้คืนข้อมูล

2.ใช้เครื่องมือกู้คืนข้อมูลเพื่อค้นหาและกู้คืนข้อมูลที่สูญหายของคุณ. เลือกตำแหน่งจัดเก็บหรือโฟลเดอร์เฉพาะที่ข้อมูลของคุณสูญหาย จากนั้นคลิกปุ่ม Scan

ขั้นตอนที่ 2 การกู้คืนข้อมูล

3. เมื่อการสแกนเสร็จสมบูรณ์ จะสามารถค้นหาไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่กู้คืนได้จากรายการผลการสแกน เลือกไฟล์จากนั้นคลิกปุ่มกู้คืน เมื่อเลือกตำแหน่งที่จะบันทึกข้อมูลที่กู้คืน คุณไม่ควรใช้ไดรฟ์เดิม

ขั้นตอนที่ 3 การกู้คืนข้อมูล

 

EaseUS Data Recovery Wizard

กู้คืนข้อมูลที่ถูกลบได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมกู้คืนข้อมูลจากฮาร์ดไดรฟ์ (hard drives) ที่เสียหายหรือถูกฟอร์แมต (format)

ดาวน์โหลดสำหรับ PC
ดาวน์โหลดสำหรับ Mac